KS Daily View 9 ธ.ค. 2025

วิเคราะห์โดย KS Research Strategy

9 ธ.ค. 2568

☀️KS Daily View 09.12.2025 >>> ลุ้น SET ยืนเหนือ 1,250 จุด รอ ครม. ใหญ่พิจารณา TISA และประคองตัวก่อนผล FOMC กรอบ SET วันนี้ 1,250 - 1,275 จุด แนะนำ BAM, KKP

📊แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดตลาดปรับตัวลดลงแรงกว่าคาดหลุดกรอบแนวรับที่เรามองหลังสภานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเร่งระดับ สร้างความกังวลว่าอาจกระทบกระบวนการเจรจาการค้าของไทย-สหรัฐฯ ที่ดำเนินอยู่ อีกทั้งตลาดมองโครงการ TISA ที่ครม. เศรษฐกิจเห็นชอบให้เสนอในที่ประชุมครม. ดูยังมีรายละเอียดและเงื่อนที่ไม่ชัดเจน รวมถึงตลาดมองอาจไม่ดึงดูดเพียงพอ เนื่องจากมีการลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกลุ่มคนรายได้สูงที่เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อและลงทุนในกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี

📊ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนพลิกกลับมาเป็นลบหลังดัชนีSET Index หลุดระดับแนวรับสำคัญที่ 1,270 จุดอีกครั้ง และแนวโน้มดัชนีจะเป็นขาลงหากหลุดแนวรับถัดไปที่บริเวณ1,250 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. โดยเรามอง Theme หลักการลงทุนช่วงนี้ นอกจากกังวลประเด็นลบเรื่องความขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชา ตลาดรอดูผลการประชุม FOMC ในวันที่ 10 ธ.ค. และการประชุม กนง. ของไทยในวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงทั้งคู่ ช่วยหนุนภาพรวมการลงทุน ขณะที่ประเด็นอื่นส่วนใหญ่เป็นปัจจัยเฉพาะของกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นรายตัว เรามองหุ้น กลุ่ม high yield และ deep discount เช่น Banking, ICT, Property และ Energy บางตัว เป็นกลุ่มที่คาด outperform ได้บนอานิสงค์บวกจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ดอกเบี้ยนโยบายลด, โครงการ TISA และสถานการณ์ตลาดที่ผันผวนในช่วงนี้

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

✍️ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win” ภายใต้โครงการ TISA เพื่อเพิ่มโอกาสการออมและเสริมความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชน โดยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอต่อ ครม. มาตรการสำคัญคือการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีจากบัญชีออมเพื่อการลงทุนเป็น 800,000 บาทต่อปี และให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ลดหย่อนได้เพิ่ม 1.3 เท่า อีกทั้งเตรียมยกเว้นภาษีเงินปันผล/ดอกเบี้ย 200,000บาทแรกสำหรับผู้ถือเกิน 5 ปี พร้อมเปิดทางให้ประชาชนซื้อพันธบัตร “ออมพลัส” ทุกเดือน ขั้นต่ำ1,000 บาท ตลาดรอติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมในที่ประชุม ครม. ใหญ่วันนี้ที่อาจมีให้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ดี ดูตลาดยังไม่ได้ให้น้ำหนักโครงการ TISA มากนักเนื่องจากมองเป็นโครงการสำหรับลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีในปีหน้า

✍️กระทรวงพาณิชย์ยอมรับดีลเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ อาจปิดไม่ทันภายในสิ้นปี 2568 หลังเกิดเหตุปะทะไทย–กัมพูชา ซึ่งทำให้บรรยากาศการเจรจาไม่แน่นอน แม้ไทยยืนยันว่าการตอบโต้เป็นไปตามเหตุผลและเชื่อว่าสหรัฐฯ เข้าใจว่าไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มเหตุการณ์ อัตราภาษี 19% ที่สหรัฐฯ จะเก็บจากไทยยังเดินหน้าตามเดิม แม้ไทยยังไม่ปิดดีลเหมือนบางประเทศ ขณะเดียวกัน การค้าชายแดนไทย–กัมพูชาหดตัวรุนแรงจากเหตุปะทะ โดยมูลค่าค้าชายแดน 10 เดือนแรกปี 2568 ติดลบกว่า 36% และเดือนต.ค. หยุดชะงักเกือบทั้งหมด ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นลบกับหุ้นส่งออก โดยเฉพาะหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับกัมพูชาเช่นSAV, CBG, และ OSP

✍️วิปรัฐบาลมีมติจัดกรอบเวลาประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 ในวันที่ 10–11ธันวาคม 2568 โดยให้ลงมติ “เห็นด้วย” ทั้งสองวัน และวางเป้าหมายให้การพิจารณาจบก่อนเที่ยงคืน หากไม่เสร็จจะขยายการประชุมต่อถึงวันที่ 12ธันวาคม การประชุมครั้งนี้เป็นสมัยวิสามัญพิเศษ หลังคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระสองเสร็จสิ้นแล้ว เป้าหมายคือเร่งให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าและปิดวาระตามกรอบเวลาที่กำหนด

✍️FTSE Russell และตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศผลทบทวนดัชนี FTSE SET รอบเดือนธันวาคม 2568 โดย THAI ถูกเพิ่มเข้าในดัชนี Large Cap ขณะที่ AWC ถูกถอดออก สำหรับดัชนี Mid Cap มี AWC และ SCCC เข้าใหม่ ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออก 6 บริษัท ได้แก่ PTL, PSL, PSH, SNNP, STECON และ TQM ด้านดัชนี Shariah มีหุ้นเข้าใหม่ 10 บริษัท BLC, BBIK, CKP, INETREIT, NEX, KISS, SCCC, STPI, TSTH, และ UVAN ขณะที่หุ้นออก 9 บริษัท เช่น AOT, BJCHI, MC, PSH, PLUS, SAMTEL, SAT, SPALI, TIPCO การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 และจะมีรอบทบทวนครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายน 2569

Daily pick

🎯BAM: ราคาพื้นฐาน 8.5 บาท

เราคาดทิศทางผลประกอบการฟื้นตัวใน Q4/25 ทั้ง QoQ และ YoYเนื่องจาก 1) ไม่มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญพิเศษ (ECL) ประมาณ 300 ลบ. เหมือนในไตรมาส 3/2568, 2) backlogขนาดใหญ่ประมาณ 1.5 พันลบ. ที่จะรับรู้ในไตรมาส 4/2568, และ 3) ฤดูกาลเก็บเงินสดที่สูงขึ้น โดยผู้บริหารตั้งเป้าการจัดเก็บเงินสดไตรมาส 4/2568 ที่ 4 พันลบ. เทียบกับ 3.65 พันลบ. ในไตรมาส 3/2568 นอกจากนี้ BAM ซื้อขายที่ valuation ไม่แพง PB 0.5x, PE 11x และให้ dividend yield สูง 6.5% เข้าธีมหุ้นถูก ปันผลสูง ได้อานิสงค์บวกโครงการ TISA และแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ

🎯KKP: ราคาพื้นฐาน 74.5 บาท

ทิศทางผลประกอบการคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น จากผลขาดทุนการขายรถยึดคืนและ ECL ที่ลดลงคาดจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรในระยะข้างหน้า หลังสต็อกรถยึดคืนลดลงเหลือต่ำกว่า 2,000 คัน ต่ำสุดในรอบ 3 ปี อีกทั้งคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ก็ดีขึ้น รวมถึงอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ลดลงต่อเนื่องในช่วง 8 ไตรมาสที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้ KKP ถือเป็นแบงก์เล็กที่มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสูง ขณะที่ CASA ต่ำ ถือเป็นโครงสร้างที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยลด กอปรกับให้ dividend yield สูง 7.5% บน PE 0.8x และ PE 9x

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

✅วันอังคาร ติดตามการให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าการธนาคารกลางของญี่ปุ่น BOJ คุณ Kazuo Ueda ที่งานประชุมFinancial Times Global Boardroom Conference ณ กรุงลอนดอน นอกจากนี้ติดตามรายงานตัวเลขงานเปิดใหม่JOLTS Job Openings สำหรับเดือน ก.ย. และ ต.ค. หลังรายงานข้อมูลล่าช้าในช่วงปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ โดยตลาดคาดตัวเลขสำหรับเดือน ก.ย. ที่ 7.2 ล้านตำแหน่ง และตัวเลขสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 7.1ล้านตำแหน่ง

✅วันพุธ ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 0.7% YoY จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.2% YoY ขณะที่ด้านตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ตลาดคาดยังติดลบที่ -2.0% YoY ดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ -2.1% YoYนอกจากนี้ติดตามการเปิดประชุมสมัยวิสามัญของไทยเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ในวันที่ 10-11 ธ.ค. และในช่วงข้ามคืนติดตามผลการประชุม FOMC ของ Fed ตลาดคาดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จาก4.00% เป็น 3.75% รวมถึงรอดูการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจ (Dot plot) ซึ่งจะสะท้อนมุมมองในระยะข้างหน้า

✅วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ตลาดคาดจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.91 แสนคน ในสัปดาห์ก่อนหน้าเป็น 2.20 แสนคน รวมถึงรายงานตัวเลขดุลการค้าของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ก.ย. ตลาดคาดขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 6.31 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.96 หมื่นล้านดอลลาร์

✅วันศุกร์ ติดตามผลการประชุม ECOFIN meeting หรือคณะมนตรีการเงินของยุโรป ที่มีการจัดประชุม ณ กรุงบรัสเซลส์ รวมถึงติดตามการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่2 ของไทย