KS Daily View 14 ส.ค. 2025

Analysis by KS Research Strategy

Aug 14, 2025

KS Daily View 14 ส.ค. 2025>>> คาด SET Index แกว่งตัว sideway up ในกรอบ 1,265-1,290 จุด จากภาพเชิงบวกของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นวัฏจักรขาลงหลัง กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps แนะนำ AP และ TIDLOR

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.32%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น +0.14%, แต่ Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.04% โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นวันที่สองติดต่อกัน จากความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯกำลังเข้าใกล้วัฏจักรของนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,277.43 จุด เพิ่มขึ้น 18.36 จุด (+1.46%) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มการเงิน, และกลุ่มอสังหา ในวันนี้ เราคาด SET Index แกว่งตัว sideway up ในกรอบ 1,265-1,290 จุด จากภาพเชิงบวกของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นวัฏจักรขาลงหลัง กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จาก 1.75% เป็น 1.50% ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเร็วกว่าที่คาด อีกทั้งเก็งว่าอาจเห็นโอกาส กนง. ปรับลดดอกเบี้ยลงต่อในช่วง 4Q25 อย่างน้อยอีก 1 ครั้ง เป็นบวกกับกลุ่มที่มี financial leverage ในระดับสูงอย่าง การเงิน, ค้าปลีก, พลังงาน, สื่อสาร, อสังหา, และ ปิโตรเคมี ทั้งนี้ภาพต่างประเทศ อย่างสหรัฐ ตลาดปรับโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเกือบ 100% หลังข้อมูลเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมชะลอลงและมีตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอ

ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ AP และ TIDLOR จากแนวโน้ม cost of fund ที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับผลประกอบการ 2Q25 ที่ออกมาแข็งแกร่ง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จาก 1.75% เป็น 1.50% ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเร็วกว่าที่ KS ประเมิน ทั้งนี้คาดเห็นโอกาส กนง. ปรับลดดอกเบี้ยลงต่อในช่วง 4Q25 อย่างน้อยอีก 1 ครั้ง ไม่เพียงเนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวใน 2H25 จากผลของฐานสูงในปีที่แล้วและผลกระทบเชิงลบจากมาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่ตอนนี้สถานการณ์มีความชัดเจนมากขึ้น แต่อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อไทยที่ติดลบแล้ว 4 เดือนติด เชื่อจะหนุนให้คณะกรรมการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงต่อได้เพื่อพยุงเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงของภาวะเงินฝืด มองเป็นบวกกับกลุ่ม FINANCE, COMMERCE, POWER, ICT, PROPERTY, และ PETROCHEM ขณะที่ผลกระทบต่อ SET Index เราประเมินดอกเบี้ยที่ปรับลงทุกๆ 10bps จะกระทบต่อดัชนีราว 20 จุด

ตลาดปรับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเกือบ 100% หลังข้อมูลเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมชะลอลงและมีตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอในขณะเดียวกันรัฐมนตรีคลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ เห็นว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.5% ขณะที่ตลาดคาดว่าจะลดอย่างน้อย 0.25% เบสเซนต์มองว่าดอกเบี้ยปัจจุบันสูงเกินไป และควรลดลงสู่ระดับเป็นกลางราว 3% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงาน มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกต่อตลาดหุ้น

นบข. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 68 และข้าวนาปี ปี 68/69 โดยสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ใช้งบกว่า 44,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนสูง แยกเป็นข้าวนาปรังใช้งบ 7,200 ล้านบาท จ่ายภายในกันยายนนี้ ส่วนข้าวนาปีใช้งบ 36,000 ล้านบาท จ่ายปลายปีหน้า มองเป็นบวกเล็กน้อยกับ asset quality กับกลุ่ม financial

มีรายงานว่าปริมาณนำเข้าสินค้าทางเรือของสหรัฐฯ อาจถึงจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคม หลังผู้ค้าปลีกเร่งนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสูง ทั้งนี้ผู้ค้าปลีกใหญ่เช่น Walmart, Target และ Home Depot ได้สต็อกสินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาสล่วงหน้า แม้สหรัฐฯ และจีนขยายเวลาหยุดเก็บภาษีอีก 90 วัน แต่ปริมาณนำเข้าในเดือนสิงหาคมคาดว่าจะทรงตัวและต่ำกว่าปีก่อน เพราะสินค้าส่วนใหญ่ถูกนำเข้ามาแล้ว มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกับกลุ่มส่งออก

IEA คาดว่าตลาดน้ำมันโลกอาจเผชิญภาวะ “ล้นตลาด” สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2026 จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับอุปสงค์ที่เติบโตช้าลง โดยปริมาณสำรองน้ำมันดิบทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่ม 2.96 ล้านบาร์เรล/วัน สูงกว่าช่วงโควิด-19 ในปี 2020 ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้และปีหน้าขยายตัวเพียงครึ่งหนึ่งของปี 2023 และต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2019 สาเหตุหลักมาจากความต้องการที่ซบเซาในจีน อินเดีย และบราซิล รวมถึงแนวโน้มเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบกับ PTTEP

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

AP: ราคาพื้นฐาน 9.40 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ AP หลังรายงานกำไร 2Q25 ที่ 1.0 พันลบ. ลดลง 21% YoY แต่เพิ่มขึ้น 17% QoQ สอดคล้องกับที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 986 ลบ. ที่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวจาก 1Q25 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี ทั้งนี้คาดว่า รายได้ และกำไรในครึ่งหลังของปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง HoH โดยเฉพาะโครงการ ไลฟ์ อุดมสุข สเตชั่น (4.6 พันลบ. จำนวน 1,004 ยูนิต) จะเป็นโครงการหลักของ AP หนุนการเติบโตใน 3Q25 โดยยอดขายคาดว่าจะอยู่ที่ 30-40% ในขณะเดียวกันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกนง. จะหนุนให้ cost of fund ปรับตัวลดลงในอนาคต

TIDLOR: ราคาพื้นฐาน 20.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ TIDLOR หลังรายงานกำไร 2Q25 ที่ 1.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 6% QoQ และ 19% YoY ผลประกอบการสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 6% และสูงกว่าของตลาด 4% จากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ต่ำกว่าคาด 17bps และอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่สูงกว่าคาด 12bps และการเติบโตของสินเชื่อไตรมาส 2/2568 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 1% QoQ และ 3% YoY อีกทั้งผู้บริหารคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตเร่งขึ้นในช่วง 2H25 ขณะที่ credit cost จะทรงตัวเมื่อเทียบกับ 1H25 และอัตราส่วนหนี้เสีย (NPL ratio) จะยังคงต่ำกว่า 2%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพฤหัสบดี ติดตามตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไตรมาสที่สองปี 2025 ครั้งที่สองของโซนยุโรปตลาดคาดที่ +1.4% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.3% YoY ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.25 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.26 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตาม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของจีน (China Industrial production) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +6.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +6.8% YoY และ ดัชนียอดค้าปลีก (China Retail sales) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +4.6% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +4.8% YoY ปิดท้ายด้วยดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail Sales) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.6% MoM ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า

*ข้อมูลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลใหม่และแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน