ภาพรวมตลาดหุ้นกู้ยังดีอยู่


ภาพรวมตลาดหุ้นกู้ยังดีอยู่
สภาพคล่องที่ตึงตัวและความเสี่ยงในการ roll over หุ้นกู้ในปี 2567 “ปัญหากับข้อกังวล” เราเชิญคุณ ศิรินารถ อมรธรรม รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนา สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เข้าร่วมงาน KS-Expert-Series เมื่อวานนี้ มีผู้จัดการกองทุนจากสถาบันในประเทศเข้าร่วมการประชุมของเราจำนวน 75 คน
หัวข้อสำคัญ ได้แก่
1) การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดตราสารหนี้ไทยและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง
2) การผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้และผลกระทบต่อตลาด
3) ตลาดสินเชื่อที่ตึงตัวและความเสี่ยงความเสี่ยงในการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดอายุ (Roll-over risk) ปีนี้
ความเสี่ยงในการ roll over หุ้นกู้ในปี 2567 เป็นข้อกังวลมากกว่าปัญหา ตลาดตราสารหนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสามเสาหลักของตลาดการเงินของประเทศไทย มูลค่ารวมของตลาดตราสารหนี้อยู่ที่ 16.5 ล้านลบ. ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าตลาดของตลาดหุ้นไทยและตลาดสินเชื่อของธนาคารซึ่งมีมูลค่า 17.0 ล้านลบ. และ 18.3 ล้านลบ. ตามลำดับ ณ สิ้นปี 2566 ตลาดตราสารหนี้ไทยเติบโตอย่างรวดเร็วที่ 5.5% ระหว่างปี 2561-2566 เป็น 16.5 ล้านลบ. โดยมีสภาพคล่องสูงและอัตราดอกเบี้ยต่ำ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นกู้ซึ่งคิดเป็น 30% ของตลาดตราสารหนี้ ได้เติบโตอย่างรวดเร็วขึ้นด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในช่วง 5 ปีที่ 7.0% ระหว่างปี 2561-2566 เป็น 4.8 ล้านลบ. จากหุ้นกู้ทั้งหมดในตลาด
จำนวน 90% เป็นตราสารหนี้ระดับลงทุน ในขณะที่อีก 10% เป็น Junk bond และตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้โดยเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านลบ.ในแต่ละปีตั้งแต่ปี 2562 และจะมีหุ้นกู้มูลค่า 8.9 แสนลบ.จะครบกำหนดชำระและจำเป็นต้อง rollover ไปในปี 2567 ทั้งนี้ในจำนวนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระในปี 2567 จะมีหุ้นกู้ Junk bond และไม่มีอันดับเครดิตอยู่ 1 แสนลบ. นักลงทุนหลายรายกังวลว่าตลาดสินเชื่อจะตึงตัวและขาดความเชื่อมั่นจากการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ในปีที่แล้วและ แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแออาจทำให้เกิด Roll-over risk ในปีนี้
หลังจากการพูดคุยกับคุณ ศิรินารถ เรามีความมั่นใจมากขึ้นว่าตลาดตราสารหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ยังอยู่ในระดับต่ำและส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชน (credit spread) มีเสถียรภาพ ภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังจับตาตลาดและพร้อมให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ตลาดการเงินทำงานไม่ปกติ (Market dysfunction) ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังเคยจัดตั้งกองทุนเพื่อรองรับตลาดในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19
การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (ไม่รวมการฟื้นฟูกิจการ) อยู่ที่ 0.8% ของยอดคงค้างรวม ณ สิ้นปี 2566 ณ สิ้นปี 2566 มีหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้จำนวน 3.92 หมื่นลบ. และหุ้นกู้ภายใต้โครงการฟื้นฟูจำนวน 7.3 หมื่นลบ. การผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ (ไม่รวมการฟื้นฟูกิจการ) เพิ่มขึ้น 1.64 หมื่นลบ. หรือ 70% YoY เป็น 3.9 หมื่นลบ. ในปี 2566
ซึ่งประกอบด้วย ACAP, ALL, APEX, DR, IFEC, JKN และ STARK การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ทั้งหมดอยู่ที่ 0.8% ของยอดคงค้างทั้งหมด มีบริษัทฯ สามแห่งที่อยู่ภายใต้โครงการฟื้นฟูกิจการ ได้แก่ THAI, PACE, และ RICH
ตลาดหุ้นกู้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี น่าจะได้รับการสนับสนุนจากความต้องการประมูล (bid-to-cover ratio) ที่อยู่ในระดับสูง และ credit spread ที่ต่ำ bid-to-cover ratio ของตราสารหนี้ระดับลงทุนสูงกว่า 80% ในปี 2566 ในขณะที่ bid-to-cover ratio ของหุ้นกู้ระดับ "A" และระดับที่สูงกว่านั้นสูงกว่า 94-100% bid-to-cover ratio
สำหรับตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ 50-80% credit spread ของหุ้นกู้ระดับลงทุนลดลง 9-28bps YoY ในปี 2566 แม้ว่าการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ดีกว่าในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 เมื่อ credit spread ของหุ้นกู้ระดับลงทุนเพิ่มขึ้น 28-150bps YoY

เปิดพอร์ตลงทุน >> https://ksecurities.co/open-account
Follow us :
LINE : https://ksecurities.co/KS-LineOA
Facebook: https://ksecurities.co/KS-Facebook
Instagram: https://ksecurities.co/KS-Instagram
Twitter: https://ksecurities.co/KS-Twitter
YouTube: https://ksecurities.co/KS-Youtube
Threads: https://ksecurities.co/KS-Threads