Company Analysis

BCH : แนวโน้มรายได้เติบโตดี และอัตรากำไรขยายตัว

แนวทางปี 2566 และ 2567 ในการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 1.27-1.3 หมื่นลบ. โดยรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติน่าจะสูงกว่า 2 พันลบ. และเป็นไปได้ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2566 ส่วนในปี 2567 ผู้บริหารคาดว่ารายได้จะเติบโตด้วยตัวเลขสองหลัก และมีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติ 20% ของรายได้ โดยการเติบโตของรายได้ในปี 2567 น่าจะได้แรงหนุนจากการเติบโตของรายได้จากทั้งผู้ป่วยชาวไทยและผู้ป่วยชาวต่างชาติ ขณะที่อัตรากำไรน่าจะได้รับผลบวกจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง การปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยประกันสังคม (SSO) การประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้นของโรงพยาบาลใหม่ และความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่สูงขึ้น
บริการ SSO มีแนวโน้มดี ผู้บริหารคาดว่าจะมีผู้ประกันตน SSO เพิ่มขึ้น 50,000 รายในปี 2567 เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมมีแนวโน้มที่จะเพิ่มโควตาผู้ประกันตน SSO ประมาณ 10,000 กว่ารายให้กับโรงพยาบาล SSO ในปัจจุบันที่มีระบบการนัดหมายและการแพทย์ทางไกล ซึ่งหมายความว่าโรงพยาบาล SSO จำนวน 3 ใน 9 แห่งของ BCH ที่โควตาเต็มแล้วเนื่องจากตั้งอยู่ในเมือง จะได้สามารถรับผู้ประกันตน SSO เพิ่มเติมได้มากกว่ากว่า 30,000 ราย ส่วนผู้ประกันตนส่วนเพิ่มที่เหลือน่าจะมาจากโรงพยาบาล SSO อีก 6 แห่งในเครือ เช่น สาขาปราจีนบุรีและรามคำแหง
แนวโน้มโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง ผู้บริหารคาดรพ. เกษมราษฏร์ ที่เวียงจันทร์ และที่อรัญประเทศ จะรายงานกำไรสุทธิในช่วงปลายปี 2567 และที่ปราจีน ในปี 2568 โดยในไตรมาส 3/2566 โรงพยาบาลใหม่ทั้งหมดมีโมเมนตัมรายได้ที่ดีและมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่เป็นบวก ยกเว้น ที่สาขาปราจีน ที่มี EBITDA ติดลบ แต่จำนวนไม่มาก คือ 3 ลบ. ผู้บริหารเชื่อว่าโรงพยาบาลใหม่ทุกแห่งจะมีการประหยัดต่อขนาดเพิ่มขึ้นหลังจากนี้
ยังคงได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลโควิด-19 จากสปสช. บริษัทฯ ยังรอรับเงินสดจาก สปสช. เกี่ยวกับโควิดอยู่ที่ 600 ลบ.ในไตรมาส 3/2566 โดยบันทึกอยู่ในส่วนของลูกหนี้การค้า 200 ลบ. ซึ่งได้รับใบแจ้งหนี้ จาก สปสช แล้ว ในขณะที่อีก 400 ลบ. บันทึกอยู่ในส่วนของรายได้ค้างรับ ซึ่งอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของสปสช. ก่อนออกใบแจ้งหนี้ ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจากรายได้ค้างรับบางส่วนไว้แล้ว และผู้บริหารไม่ได้กังวลต่อการชำระเงินของ สปสช.
ปรับเพิ่มประมาณการกำไร เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติของเราขึ้น 9%, 1% และ 5% ในปี 2566-2568 ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 และข้อมูลทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 เราปรับสมมติฐานอัตรากำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งมากพอที่จะชดเชยการปรับลดสมมติฐานรายได้ เราคาดว่าศูนย์มะเร็งจะเปิดบริการต้นปี 2568 ในขณะที่เรายังไม่ได้รวมการลงทุนโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ ไว้ในประมาณการเนื่องจากยังไม่ได้เริ่มการก่อสร้าง และไม่มีสมมติฐานการตั้งสำรองหนี้สงสัยอย่างมีนัยเกี่ยวกับรายได้ค้างจ่ายเกี่ยวกับโควิด-19

มุมมอง KS

แนะนำ “ถือ” TP ที่ 23.50 บาท เราคาดว่า BCH จะได้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งผู้ป่วยชาวไทย ชาวต่างชาติ และผู้ป่วย SSO โดยอัตรากำไรน่าจะมีขยายตัวจากการประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้นของโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 3 แห่ง, ฐานผู้ประกันตน SSO ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความซับซ้อนของโรคที่สูงขึ้นจากผู้ป่วยชาวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้น